บรรยากาศงาน “Afternoon Tea Talk: ดึงเสน่ห์จิวเวลรี่ไทย สู่เป้าหมาย World’s Jewelry Hub”

14 February 2020

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มั่นใจศักยภาพไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับโลก (World’s Jewelry Hub) จัดทัพทูตพาณิชย์เปิดเกมรุกดันยอดส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เน้นขยายตลาดใหม่มากศักยภาพและการค้าออนไลน์ตีคู่ตลาดเดิม ประกาศความพร้อมจัดงานบางกอกเจมส์ฯ สร้างโอกาสผู้ประกอบการไทยพบคู่ค้านานาชาติ ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้   

 

ภายในงาน “Afternoon Tea Talk: ดึงเสน่ห์จิวเวลรี่ไทย สู่เป้าหมาย World’s Jewelry Hub” นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัญมณีและเครื่องประดับไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและครบวงจร ครอบคลุมการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ปัจจุบัน ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับระดับท็อป 10 ของโลก โดยในปี 2561 มีสินค้าส่งออกสำคัญ      3 กลุ่มที่มีส่วนแบ่งในตลาดโลกในระดับสูง ได้แก่ เครื่องประดับเงิน ที่ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ครองส่วนแบ่งการตลาด 23.8% ของตลาดโลก พลอย อันดับ 3 ของโลก มีส่วนแบ่งการตลาด 11.9% และเครื่องประดับเทียม อันดับ 6 ของโลก ส่วนแบ่งการตลาด 5.9%

“อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยมีศักยภาพก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับโลกได้ ด้วยจุดเด่นหลายด้าน ได้แก่ ศักยภาพด้านการผลิต ซึ่งช่างฝีมือไทยมีความชำนาญและความประณีตในการสร้างสรรค์ผลงานเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ขณะที่ผู้ประกอบการไทยมีความเชี่ยวชาญด้านการค้าและปรับตัวได้ไว ทั้งการแสวงหาวัตถุดิบ การออกแบบ การผลิต และการตลาด รวมถึงการเอาใจใส่ต่อลูกค้า นอกจากนี้ ไทยยังมีทำเลที่ตั้งและเครือข่ายคมนาคมขนส่งที่สะดวกต่อการติดต่อกับภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึง มีหน่วยงานเฉพาะทางด้านอัญมณีและเครื่องประดับอย่าง GIT ที่ช่วยพัฒนาบุคลากรและกำหนดมาตรฐานสินค้ากลุ่มนี้ และงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ซึ่งเป็นเวทีการค้าสำคัญที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ”

ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งเสริมตลาด กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมส่งเสริมการค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ มอบหมายทูตพาณิชย์ช่วยผู้ประกอบการไทยแสวงหาโอกาสการค้าในตลาด     ที่มีศักยภาพเติบโต จับมือกับภาคเอกชนด้านตลาดออนไลน์ เพิ่มช่องทางวางจำหน่ายสินค้าในแพลทฟอร์มการค้าออนไลน์สำคัญทั่วโลก รวมทั้งร่วมมือกับภาคเอกชน สมาคมการค้าของไทยและต่างประเทศเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมนี้ ด้วยแคมเปญ Thailand’s Magic Hands: The Spirit of Jewelry Making

ด้านนายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) และกรรมการ CIBJO, The World Jewellery Confederation กล่าวว่าจุดแข็งของประเทศไทย คือ หัตถศิลป์ (Craftsmanship) ฝีมือของช่างไทยที่จะต้องส่งเสริมให้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ชั้นสูง เพื่อผลิตชิ้นงานที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและมีราคาสูงขึ้น

“การสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์เกิดจากช่างฝีมือที่มีความสุข อารมณ์ จิตใจสุนทรี ทำให้ผลิตชิ้นงานที่มีความงดงามประณีตได้ การจะมีความสุขแบบนั้นได้ ช่างฝีมือก็ต้องมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับแนวคิดการทำธุรกิจในปัจจุบัน ที่ต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการดูแลสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภครุ่นใหม่สนใจมาก”

การมีงานแสดงสินค้าด้านอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศไทยเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเปิดโอกาสให้คนในวงการธุรกิจสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการค้าแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการเป็น World’s Jewelry Hub ของประเทศไทย เพราะไทยเป็นประเทศเดียว ที่ถือว่ามีสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับครบทุกประเภท เช่น พลอยก้อน พลอยเจียระไน และมีช่างฝีมือที่พร้อมสร้างสรรค์ชิ้นงานจนเสร็จสมบูรณ์